ความน่ากลัวที่แท้จริงอันน่าโมโหของ COVID-19!
ช่างตลกร้ายเมื่อเด็ดดอกไม้แล้วสะเทือนถึงดวงดาว
ผู้เข้าชมรวม
78
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
"COVID-19" (Coronavirus disease starting in 2019) คือ เชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 อันเป็นเชื้อโรคที่เริ่มต้นเป็นที่รู้จักในปี 2019 ซึ่งมีหลายสายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดโรคทางเดินหายใจในคน บางกรณีจะเกิดอาการที่ไม่รุนแรงนักคล้ายกับไข้หวัดธรรมดาแต่บางสายพันธุ์นั้นอาจก่อให้เกิดอาการรุนแรงจนเกิดอาการปอดอักเสบคล้ายกับโรคติดเชื้อไวรัสทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (MERS-CoV) หรือโรคซาร์ (SARS-CoV-2) โดยพบคนที่ติดเชื้อไวรัสนี้ครั้งแรกที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ สาธารณรัฐประชาชนจีน ในช่วงปลายปี 2019 ก่อนที่เชื้อนั้นจะแพร่ระบาดกระจายอย่างรวดเร็วไปหลายประเทศทั่วโลก!!
1. วิถีแห่งการดำเนินชีวิตแบบ New normal
จวบเมื่อบ้านเราเริ่มรู้จักโรคโควิดสิบเก้าราวต้นปี 2563 สาเหตุมาจากกลุ่มการแพร่เชื้อระบาดจากหลายกลุ่ม แต่กลุ่มใหญ่ที่สุดมาจากคลัสเตอร์สนามมวยเวทีลุมพินีราวเดือนมีนาคม 2563 ซึ่งบ้านเราก็มีการล็อคดาวน์ประเทศทำการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ในการปฏิบัติตนและสามารถรับมือได้เป็นอย่างดีในการระบาดระลอกแรก ต่อมาประมาณกลางเดือนธันวาคม 2563 พบการระบาดจากแรงงานต่างด้าวในตลาดกลางกุ้งในจังหวัดสมุทรสาครที่มีแรงงานต่างด้าวอยู่เป็นจำนวนมากทั้งที่เข้ามาโดยถูกกฎหมายและผิดกฎหมายโดยเฉพาะทางช่องทางธรรมชาติ รวมถึงคนไทยเดินทางกลับประเทศเพื่อหนีเชื้อโรคจากประเทศเพื่อนบ้าน จนกระทั่งปลายเดือนมีนาคมเข้าเดือนเมษายน 2564 ก็พบการระบาดระลอกใหม่โดยมีคลัสเตอร์ที่สถานบันเทิงย่านทองหล่อ ซึ่งทั้งสามกรณีนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการแพร่เชื้อระบาดไปสู่สังคมโดยรวมในแต่ละรอบของการระบาดโดยมีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ของเชื้อโรคชนิดใหม่นี้ที่ถือกำเนิดขึ้นมาและมีความน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง!
2. วิถีแห่งการรักษาแบบ New Vaccine
ขณะที่เชื้อโรควายร้ายดังกล่าวนี้กำลังพัฒนากลายพันธุ์เพื่อศักยภาพในการทำลายล้างและพิสูจน์วิวัฒนาการและประสิทธิภาพในการรับมือของมนุษยชาติที่เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องพยายามค้นคว้าวิจัยและผลิตวัคซีนขึ้นมาเพื่อป้องกันและรักษาชีวิตเผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างดีที่สุด แต่ทว่าในขณะเดียวกันกลุ่มบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในความเกี่ยวข้องใกล้ชิดโดยมิได้ตระหนักรู้ถึงความรุนแรงและความน่ากลัวของฤทธานุภาพไวรัสตัวนี้ ทั้ง ๆ ที่มีการรณรงค์และประชาสัมพันธ์ให้ใช้ชีวิตแบบนิวนอร์ม่อลอย่างเข้มข้นแต่หลายคนกลับไม่ได้ใส่ใจและให้ความร่วมมือเท่าที่ควร ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะปรับตัวกับวิถีชีวิตใหม่ยังไม่เข้าที่เพราะขัดกับวิถีชีวิตประจำวันอันคุ้นเคย อีกส่วนหนึ่งอาจจะรู้สึกเบื่อหน่ายและเก็บกดกับความอึดอัดในการปรับเปลี่ยนตัวเองให้เข้ากับระบบแห่งความปลอดภัยนี้ และยังมีอีกส่วนหนึ่งที่ไม่ยอมเข้าสู่ระบบการปฏิบัติตนแนวใหม่เพื่อความปลอดภัยของชึวิตและยังคงปฏิบัติตนกับไลฟ์สไตล์แบบเดิม ๆ ที่เคยเป็นมา
3. วิถีแห่งมนุษย์แบบ New cluster
คงจะไม่เกิดปัญหาใดใดมากมายหากการฝืนปฏิบัติขัดกับความเป็นจริงในปัจจุบันนั้นอยู่ในกรอบในขอบเขตของตนเอง แต่ที่เกิดปัญหาขึ้นมาจนลุกลามใหญ่โตก็เป็นเพราะว่าบุคคลเหล่านั้นมิได้ใส่ใจในสังคมโดยรวมแต่กลับอิงพื้นฐานหลักบนความเห็นแก่ตัวที่อยากทำอะไรก็ทำอยากไปไหนก็ไปทั้ง ๆ ที่รู้ว่าอาจเป็นอันตรายทั้งต่อตนเอง ครอบครัวและสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าผู้ประกอบการหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่สามารถหลีกเลี่ยงหรือป้องกันได้ทั้ง ๆ ที่รู้เหตุการณ์เป็นอย่างดี แต่กลับเลือกที่จะไม่ทำและใช้โอกาสที่ประชาชนนั้นรู้สึกอึดอัดจากความเก็บกดในวิถีชีวิตประจำวันที่เปลี่ยนไปและไม่คุ้นเคยนี้เป็นช่องทางในการหาผลประโยชน์ให้แก่ตนเอง โดยปล่อยให้ประชาชนยังคงได้ใช้ชีวิตใช้บริการในกิจการของตนโดยไม่คำนึงถึงผลร้ายที่จะตามมาในอนาคตอันใกล้อย่างมิอาจประเมินค่าได้ ประกอบกับบางคนยังคงคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัวไม่คำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดจากตนเองเป็นผู้กระทำเพราะไม่คิดว่าคน ๆ นั้นจะเป็นตนเองที่เป็นสาเหตุและไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่โตจากพฤติกรรมที่ผิดของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบุคคลที่รู้ตัวว่ามีความเสี่ยงที่อาจจะได้รับเชื้อมาแล้วแต่ก็มิได้ให้ความใส่ใจ ไม่เข้ารับการตรวจหาเชื้อ ไม่เข้ารับการกักตัวและไม่เข้าสู่ระบบในการรักษาแต่ยังคงใช้ชีวิตตามแต่ใจปรารถนาและตามตัณหาของตนทำให้เกิดผลกระทบตามมาเป็นทอด ๆ ซึ่งทั้งสามกรณีที่เกี่ยวข้องกันนี้เป็นความคิดและพฤติกรรมที่ผิดมหันต์!
ในที่สุดแล้วการระบาดระลอกใหม่ที่ถูกคุกคามโดยสายพันธุ์อังกฤษที่กลายพันธุ์ (มีบ้างส่วนน้อยที่เป็นสายพันธุ์จากแอฟริกา) ซึ่งเป็นการระบาดครั้งที่สามแล้วในประเทศไทยอย่างเปี่ยมด้วยอานุภาพแห่งการทำลายล้างที่ทรงประสิทธิภาพในการแพร่เชื้อจากคนสู่คนลุกลามแพร่ระบาดไปทั่วประเทศด้วยความเร็วแรงทะลุนรกเป็นอย่างยิ่ง จากการที่บุคคลที่มีเชื้อนำเชื้อไวรัสนี้ไปแพร่กระจายในสถานที่อโคจรที่มีผู้คนไปรวมกลุ่มกันอย่างคึกคักและเสรีโดยไม่มีมาตรการในการควบคุมและป้องกันที่ถูกต้อง จนทำให้เกิดการระบาดของเชื้อไวรัสจากหนึ่งเพิ่มเป็นสองเป็นสามสี่ห้าทั้งจำนวนสถานที่ในการแพร่กระจายและจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นในทุก ๆ วัน ในความเป็นจริงมนุษยชาติที่ได้ถือกำเนิดเกิดมาบนโลกใบนี้ต้องประสบพบเจอกับปัญหาที่มีไว้สำหรับให้แก้ไขอยู่ตลอดเวลาหากชีวิตยังคงดำเนินอยู่ในโลกที่ยังคงหมุนรอบตัวเองและหมุนรอบดวงอาทิตย์ในระบบสุริยจักรวาลนี้ หากว่าทุกคนตระหนักรู้ในปัญหาที่เกิดขึ้นและแก้ไขปัญหานั้นอย่างถูกต้องเหมาะสมกับสถานการณ์โดยการให้ความร่วมมือและมีความรับผิดชอบต่อสังคมโดยรวมแล้วปัญหานั้นก็จะไม่ลุกลามอย่างแน่นอน แต่ ณ ปัจจุบันได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสำนวนที่ว่า "น้ำผึ้งหยดเดียว" หรือ "เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว" นั้นเป็นเช่นไร ซึ่งหลากหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมิได้เป็นเพราะเชื้อไวรัสชนิดใหม่ที่บ่อนทำลายมนุษยชาติแต่ไวรัสกลายเป็นเครื่องมือของมุนษยชาติที่มีพฤติกรรมแบบเดิม ๆ ใช้เป็นเครื่องมือในการทำลายล้างมุนษย์ด้วยกันเองโดยประมาทและเต็มใจด้วยความเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินทั้งของส่วนบุคคล ครอบครัว สังคม ประเทศชาติและทั่วโลกนั้น..ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ!?!
เรื่องโดย นรชนไท
เครดิตภาพ
ภาพปก โดย geralt จาก Pixabay
ภาพที่ 1 โดย AnnaliseArt จาก Pixabay
ภาพที่ 2 โดย torstensimon จาก Pixabay
ภาพที่ 3 โดย GDJ จาก Pixabay
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ Norrachonthai ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Norrachonthai
ความคิดเห็น